ปัจจุบันมักจะมีความเข้าใจผิดเกี่ยวกับ พระวิษณุกรรม และ พระวิษณุ ของศาสนาฮินดู เพราะคนไทยส่วนใหญ่มักจะนิยมเรียก พระวิศวกรรม ว่า พระวิษณุกรรม และในที่สุดก็ได้กร่อนลงเหลือเพียง “พระวิษณุ” ซึ่งเป็นชื่อของเทพที่คนไทยรู้จักกันในฐานะหนึ่งใน 3 แห่งองค์เทพที่สำคัญของศาสนาฮินดู อันได้แก่ พระพรหม พระวิษณุ และ พระศิวะ ทำให้หลายคนเข้าใจว่าพระวิษณุ คือ เทพแห่งวิศวกรรม ซึ่งถือเป็นความเข้าใจที่คลาดเคลื่อน
ในตำนานพุทธศาสนาเล่าว่า ท่านเป็นผู้สร้างอาศรมให้แก่พระโพธิสัตว์หลายพระองค์ (ก่อนที่จะอุบัติเป็นพระพุทธเจ้า) เป็นผู้สร้างบันไดเงิน บันไดทอง บันไดแก้ว ทอดจากสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ลงมายังโลกมนุษย์ที่เมืองสังกัสสนคร ซึ่งเป็นเส้นทางที่พระพุทธเจ้าใช้เสด็จลงจากสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ (หลังจากเสด็จขึ้นไปโปรดพุทธมารดาบนสวรรค์ในช่วงเข้าพรรษา) นอกจากจะเป็นสถาปนิกและเป็นวิศวกรด้านโยธาและสำรวจ ดังจะเห็นได้จากผลงาน ๒ ประการที่ว่านี้แล้ว พระวิศวกรรมายังเป็นวิศวกรเครื่องกลอีกด้วย กล่าวคือ ท่านเป็นผู้สร้างวาฬสังฆาตยนต์ ซึ่งเป็นกงล้อหมุนรอบองค์พระสถูป ปกปักรักษาป้องกันมิให้บุคคลเข้าใกล้พระบรมสารีริกธาตุของพระพุทธเจ้า เมื่อครั้งที่พระเจ้าอชาตศัตรูได้รับส่วนแบ่งพระบรมสารีริกธาตุหลังพุทธปรินิพพานและอัญเชิญไปประดิษฐานไว้ในองค์พระสถูปที่ว่านี้
ส่วนตามตำนานฮินดู พระวิศวกรรมาก็มีผลงานเด่นๆ สรรค์สร้างไว้มากมาย เช่น ครั้งหนึ่ง ธิดานางหนึ่งของท่าน ชื่อว่านางสัญชญา เป็นชายาของพระอาทิตย์ บ่นให้พระวิศวกรรมาผู้เป็นพ่อฟังว่า พระอาทิตย์สามีของตนนั้นช่าง "ร้อนแรง" เหลือเกิน เข้าใกล้ไม่ค่อยได้ พระวิศวกรรมาสงสารลูกสาว จึงช่วยเหลือ โดยไปขูดผิวพระอาทิตย์ออกเสียบางส่วน ทำให้ความร้อนแรงนั้นทุเลาลงไปบ้าง และผิวพระอาทิตย์อันมีรัศมีเจิดจ้าที่ขูดออกมาได้นั้น พระวิศวกรรมาได้นำไปรังสรรค์-ปั้น-แต่ง แล้วถวายให้เป็นอาวุธทรงอานุภาพและมีประกายแวววาวแก่เทพองค์สำคัญของสวรรค์ชั้นฟ้า ได้แก่ อาวุธ "ตรีศูล" (สามง่าม) ของพระอิศวร "จักราวุธ" (กงจักร) ของพระนารายณ์ "วชิราวุธ" (สายฟ้า) ของพระอินทร์ "คทาวุธ" (กระบอง) ของท้าวกุเวร และ "โตมราวุธ" (หอก) ของพระขันทกุมาร เป็นต้น
ผลงานอื่นๆ ของท่านที่สำคัญ ๆ ได้แก่ เป็นผู้สร้างกรุงลงกาให้แก่ทศกัณฐ์ในเรื่องมหากาพย์รามายณะ สร้างกรุงทวารกาให้แก่พระกฤษณะ (ซึ่งเป็นอวตารปางหนึ่งของพระนารายณ์) ในเรื่องมหากาพย์มหาภารตะ สร้างวิมานให้แก่พระวรุณ(เทพแห่งน้ำ)และพระยม(เทพแห่งความตาย) สร้างราชรถบุษบกเป็นพาหนะให้แก่ท้าวกุเวร เป็นผู้ปั้นนางติโลตตมา นางฟ้าที่สวยที่สุดนางหนึ่งบนสวรรค์ (สวยจนทำให้พระอินทร์ผู้ปรารถนาเห็นนางติโลตตมาอย่างจุใจ กลายเป็น "ท้าวสหัสนัยน์" มีดวงตา ๑,๐๐๐ ดวง และทำให้พระพรหมผู้ปรารถนาเห็นนางติโลตตมาจากทุกด้าน กลายเป็น "ท้าวจตุรพักตร์" มี ๔ หน้า) ฯลฯ
ผลงานเด่นอันสุดท้ายที่ใคร่อยากนำเสนอในที่นี้ ก็คือ "กรุงเทพมหานคร อมรรัตนโกสินทร ฯ มหาสถาน อมรพิมานอวตารสถิต สักกะทัตติยวิษณุกรรมประสิทธิ์" หมายถึง กรุงเทพมหานคร เมืองแห่งเทวดานั้น พระวิษณุกรรมเป็นผู้สร้าง ตามพระบัญชาของพระอินทร์
จากผลงานสรรค์สร้างที่ปรากฏมากมายนี้เอง เทพองค์นี้จึงได้ชื่อว่า "วิศวกรรมา" ซึ่งมีความหมายตามรูปศัพท์ว่า "ผู้ทำทุกสิ่งทุกอย่าง" (the "Universal Doer") คือเป็น "นายช่างแห่งจักรวาล" นั่นเอง
ตำนานฮินดูกล่าวว่า พระวิศวกรรมา มีพระเนตร ๓ ดวง มีกายสีขาว ทรงอาภรณ์สีเขียว โพกผ้า มือถือคทา แต่ไทยนิยมวาดหรือปั้นรูปพระวิศวกรรมา ทรงชฎา มือถือจอบหรือผึ่ง (เครื่องมือสําหรับถากไม้ชนิดหนึ่ง รูปร่างคล้ายจอบ แต่มีด้ามสั้นกว่า) และลูกดิ่ง ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ทางช่างอย่างชัดเจน
พวกช่างชาวฮินดูจะประกอบพิธีบูชาบวงสรวงพระวิศวกรรมา เพื่อขอพรให้ตนเองประสบความสำเร็จในหน้าที่การงานกัน ในวันที่พระอาทิตย์ย้ายเข้าสู่ฤกษ์ภัทรบท ในวันนี้พวกช่างจะงดใช้อุปกรณ์และเครื่องมือทางช่างทุกชนิด พวกเขามีความเชื่อว่าพระวิศวกรรมาจะเข้ามาสถิตในใจ และดลบันดาลให้พวกตนมีความคิดความอ่านที่จะสร้างสรรค์ผลงานใหม่ๆ ที่ดี มีคุณภาพอยู่เสมอ
ชาวไทยได้รับอิทธิพลทางวัฒนธรรม และการสืบทอดประเพณีบางอย่างมาจากอินเดีย ซึ่งนับถือว่าพระวิศวกรรมาเป็นเทพแห่งช่าง เป็นผู้สรรค์สร้าง หรือเป็นผู้ดลบันดาลให้เกิดการสรรค์สร้างประดิษฐกรรมต่าง ๆ ในโลก เราจึงบัญญัติศัพท์ภาษาต่างประเทศ "ENGINEERING" ซึ่งเป็นศาสตร์แห่งช่าง ใช้ในภาษาไทยว่า "วิศวกรรมศาสตร์" หมายถึง "ศาสตร์ที่มีพระวิศวกรรมา (เทวดาแห่งช่าง ) เป็นครู"
ตามความเชื่อของคนไทยนั้น ให้ความเคารพและศรัทธาองค์พระวิศวกรรม หรือ พระวิษณุกรรม เป็นอย่างมาก ดังจะเห็นได้จากความเชื่อและศรัทธาที่แฝงไว้ในชื่อของเมืองหลวงที่ว่า “กรุงเทพมหานคร อมรรัตรโกสินทร์ มหินทรายุธยา มหาดิลกภพ นพรัตนราชธานีบูรีรมย์ อุดมราชนิเวศน์มหาสถาน อมรพิมานอวตารสถิต สักกะทัตติยวิษณุกรรมประสิทธิ์”
ซึ่งแปลความหมายได้ว่า พระนครอันกว้างใหญ่ดุจเทพนคร เป็นที่สถิตของพระแก้วมรกต เป็นนครที่ไม่มีใครรบชนะได้ มีความงามอันมั่นคงและเจริญยิ่ง เป็นเมืองหลวงที่บริบูรณ์ด้วยแก้วเก้าประการ น่ารื่นรมย์ยิ่ง มีพระราชนิเวศใหญ่โตมากมาย เป็นวิมานเทพที่ประทับของพระราชาผู้อวตารลงมา ซึ่งพระนครแห่งนี้ ท้าวสักกเทวราช (พระอินทร์ หรือ ท้าวอมรินทร์เทวาธิราช) พระราชทานให้ พระวิษณุกรรม ลงมาเนรมิตไว้ โดยสรุปคือ กรุงเทพมหานครฯ คือเมืองที่ พระวิษณุกรรม สร้างตามพระบัญชาของ พระอินทร์ นั่นเอง
พระคาถาบูชา พระวิษณุกรรม หรือ พระวิศวกรรม นั้น มีอยู่ด้วยกันหลายบทสวดหลายตำรา หากแต่ความสำคัญอยู่ที่การน้อมจิตภาวนา จะต้องประกอบด้วยความศรัทธาจากใจจริง (ก่อนภาวนา ให้ตั้งมะโม 3 จบ แล้วจึงกล่าว)
โอม นะโม วิษณุกรรม นะมะ ภะวันตุเม
ทุติยัมปิ นะโม วิษณุกรรม นะมะ ภะวันตุเม
ตะติยัมปิ พระลักษมี อิตถีเทวะ เมตะตัญจะ มหาลาโภ
หรือ
โอม ปะระ เมสสะนะ มัสสะการัม
ภูปัสสะวะ วิษณุกรรม ประสิทธิ
นะมัตเต นะมัตเต นะมัตเต
หรือ
อะหังวะโต พระวิษณุเถโร อะโตวะหัง นิติวะตัง ลาภังวะโส
บทอธิษฐานขอพร
บูชาและถวายเครื่องบวงสรวง จุดธูป 16 ดอก (แก้บน 32 ดอก)
โอมสะศางขะจักรัม สะกิริฏะกุณตะลัม สปิตะวัสตรัม
สะระสีรูเหกษณัม สะหาระวักษะสถะระ เกาวตุภะ ศริยัม
นะมามิ วิษณุม ศิระสา จตุรภุชัม
เชิญพระวิษณุกรรม
โอม คุรุ เทวา นะมามิ วิษณุกรรม กันเจวะ อาจาริยัง เทวา มหาปัญโย นิมิตตัง ศิลปนามัง โยธามิเศษตัง ปฏิกรรมนานัง ภะวันตุโน อาคัจฉายะ อาคัจฉาหิ เอหิ นะมะมามา วันทามิ
บทถวายเครื่องบวงสรวง
บทที่ 1
อิมิ ธูปะพยัญชนะ สัมปัณนัง สาลีนัง โภชนานัง ทีปะ ธูปะ ทะมัง สักการะ วันทานัง อุเทวานัง คุรุ อาจาริยัง สัพพะทาติ อะหัง วันทามิ
บทที่ 2 ว่าคาถาและนำธูปปักเครื่องสังเวยจนหมดทุกอย่าง
อิมัสมิง มงคลจักรวาลัง ภะวิสติ ชัยโย ชัยโยนิจัง สัพพะทุกขัง วินาศสันติ ปฏิสนธิตัง
มหาลาโภ ชัยโยนิจัง พะวันตุเต
บทที่ 3 ลาเครื่องบวงสรวงบูชา
เสสัง มังคะลัง วิษณุกรรมเทวานัง ยาจามิ (3 จบ)
#พระวิษณุกรรม #พระวิศวกรรม #เทพแห่งช่าง
หน้าที่เข้าชม | 940,357 ครั้ง |
ผู้ชมทั้งหมด | 805,409 ครั้ง |
เปิดร้าน | 21 ก.ย. 2562 |
ร้านค้าอัพเดท | 15 ก.ย. 2568 |