ผะริตฺวานะ เมตตัง สะเมตตา ภะทันตา
อะวิกขิตตะจิตตา ปะริตตัง ภะณันตุ
สัคเค กาเม จะ รูเป คิริสิขะระตะเฏ จันตะลิกเข วิมาเน
ทีเป รัฏเฐ จะ คาเม ตะรุวะนะคะหะเน เคหะวัตถุมหิ เขตเต
ภุมมา จายันตุ เทวา ชะละถะละวิสะเม ยักขะคันธัพพะนาคา
ติฏฐันตา สันติเก ยัง มุนิวะระวะจะนัง สาธะโว เม สุณันตุ
ธัมมัสสะวะนะกาโล อะยัมภะทันตา
ธัมมัสสะวะนะกาโล อะยัมภะทันตา
ธัมมัสสะวะนะกาโล อะยัมภะทันตา ฯ
บทแปล
ขอเชิญเหล่าเทพเจ้า ซึ่งสถิตอยู่ในสวรรค์ ชั้นกามภพก็ดี ชั้นรูปภพก็ดี และภูมิเทวดาซึ่งสถิตอยู่ในวิมาน หรือบนยอดเขาและในหุบเขา ในอากาศ ในเกาะ ในแว่นแคว้น ในบ้าน บนต้นไม้ และในป่าชัฏ ในเรือน และในไร่นาก็ดี ตลอดถึง ยักษ์ คนธรรพ์ และนาค ซึ่งสถิตอยู่ในน้ำ บนบก และที่อันไม่ราบเรียบก็ดี ซึ่งอยู่ในที่ใกล้เคียง จงมาประชุมพร้อมกันในที่นี้ ขอท่านสาธุชนทั้งหลาย จงตั้งใจฟังคำของพระมุนีผู้ประเสริฐ ที่เรากล่าวอยู่นี้
ดูก่อนท่านผู้เจริญทั้งหลาย กาลนี้เป็นกาลสำหรับฟังธรรม
ดูก่อนท่านผู้เจริญทั้งหลาย กาลนี้เป็นกาลสำหรับฟังธรรม
ดูก่อนท่านผู้เจริญทั้งหลาย กาลนี้เป็นกาลสำหรับฟังธรรม ฯ
บทสวดนะมะการะสิทธิคาถา
นะมะการะสิทธิคาถา หรือ โยจักขุมา บทสวดนมัสการพระรัตนตรัย เพื่อให้สำเร็จในสิ่งปรารถนา สมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระยาวชิรญาณวโรรส ทรงนิพนธ์ใช้แทน สัมพุทเธ บทนี้ว่าด้วยคำนมัสการพระรัตนตรัย ว่าอานุภาพแห่งการทำความเคารพนอบน้อมต่อพระรัตนตรัยด้วยเศียรเกล้า ขอความมีชัย และ ความสำเร็จจงมีแด่ท่าน และ ขอให้อันตรายทั้งปวงจงถึงความพินาศไป
โย จักขุมา โมหะมะลาปะกัฎโฐ สามัง วะ พุทโธ สุคะโต วิมุตโต
มารัสสะ ปาสา วินิโมจะยันโต ปาเปสิ เขมัง ชะนะตัง วิเนยยัง
พุทธัง วะรันตัง สิระสา นะมามิ โลกัสสะ นาถัญจะ วินายะกัญจะ
ตันเตชะสา เต ชะยะสิทธิ โหตุ สัพพันตะรายา จะ วินาสะเมนตุฯ
ธัมโม ธะโช โย วิยะ ตัสสะ สัตถุ ทัสเสสิ โลกัสสะ วิสุทธิมัคคัง
นิยยานิโก ธัมมะธะรัสสะ ธารี สาตาวะโห สันติกะโร สุจิณโณฯ
ธัมมัง วะรันตัง สิระสา นะมามิ โมหัปปะทาลัง อุปะสันตะทาหัง
ตันเตชะสา เต ชะยะสิทธิ โหตุ สัพพันตะรายา จะ วินาสะเมนตุฯ
สัทธัมมะเสนา สุคะตานุโค โย โลกัสสะ ปาปูปะกิเลสะเชตา
สันโต สะยัง สันตินิโยชะโก จะ สะวากขาตะธัมมัง วิทิตัง กะโรติฯ
สังฆัง วะรันตัง สิระสา นะมามิ พุทธานุพุทธัง สะมะสีละทิฏฐิง
ตันเตชะสา เต ชะยะสิทธิ โหตุ สัพพันตะรายา จะ วินาสะเมนตุฯ
บทแปล
พระพุทธเจ้าพระองค์ใด ทรงมีพระจักษุกำจัดมลทินคือโมหะได้แล้ว ตรัสรู้ชอบได้โดยพระองค์เอง เสด็จไปดีแล้ว ทรงหลุดพ้นแล้ว ทรงปลดเปลื้องประชุมชนผู้เป็นเวไนยสัตว์จากบ่วงแห่งมารแล้วให้บรรลุถึงความเกษมสำราญ ข้าพเจ้าขอนอบน้อมพระพุทธเจ้าผู้ประเสริฐ ผู้เป็นที่พึ่งผู้แนะนำสัตว์โลก พระองค์นั้น ด้วนเศียรเกล้า ด้วยเดชแห่งพระพุทธเจ้าพระองค์นั้น ขอชัยชนะและความสำเร็จจงมีแก่ท่าน และขอให้อันตรายทั้งปวงจงพินาศไป
พระธรรมใด เป็นดุจธงชัยแห่งพระศาสดาพระองค์นั้น เป็นเครื่องชี้นำทางแห่งความหมดจดแก่สัตว์โลกเป็นคุณชาติที่นำสัตว์ออกจากทุกข์ เป็นธรรมชาติคุ้มครองผู้ทรงธรรม พระธรรมที่บุคคลประพฤติดีแล้วย่อมนำความสุขมาให้ ก่อเกิดสันติสุข ข้าพเจ้าขอนอบน้อมพระธรรมอันประเสริฐอันเป็นเครื่องกำจัดความลุ่มหลง อันระงับความเร่าร้อนนั้น ด้วยเศียรเกล้าด้วยเดชแห่งพระธรรมนั้น ขอชัยชนะและความสำเร็จจงมีแก่ท่าน และขอให้อันตรายทั้งหลายทั้งปวงจงพินาศไป
พระสงฆ์หมู่ใด เป็นพระธรรมเสนาดำเนินตามรอยพระสุคตเจ้า เอาชนะบาปธรรมและอุปกิเลสของโลกได้แล้วตนเองสงบแล้วและยังชักชวนให้ผู้อื่นสงบ ด้วยการเผยแผ่พระธรรมที่พระศาสดาตรัสไว้ดีแล้ว ข้าพเจ้าขอ นอบน้อมพระสงฆ์ผู้ประเสริฐผู้ตรัสรู้ตามพระพุทธองค์ผู้เสมอกันด้วยศีลและทิฏฐิหมู่นั้น ด้วยเศียรเกล้า ด้วยเดชแห่งพระสงฆ์นั้น ขอชัยชนะและความสำเร็จจงมีแก่ท่าน และขอให้อันตรายทั้งหลายทั้งปวงจงพินาศไป
บทสวดกรณียเมตตสูตร
กรณียเมตตสูตร หรือ กะระณียะเมตตะสุตตัง บทสวดว่าด้วยการเจริญเมตตาและอานุภาพแห่งเมตตา ความรัก ความปรารถนาดี ไปยังเทวดา สรรพสัตว์ ภูติผีปีศาจ ทำให้จิตใจผู้สวดชุ่มเย็น หลับเป็นสุข ตื่นเป็นสุข เป็นที่รักของมนุษย์และอมนุษย์ทั้งหลาย เทวดาปกป้องคุ้มครองรักษา
ในพระไตรปิฏกก็มีบันทึกเกี่ยวกับความเป็นมาของบทสวดนี้เช่นกัน คือ
สมัยหนึ่งจวนเข้าพรรษา ภิกษุจำนวนหนึ่งกราบทูลลาพระพุทธเจ้า เพื่อไปอยู่จำพรรษาในป่าลึกแห่งหนึ่ง เหล่ารุกขเทวดาคิดว่าพระคุณเจ้าคงพักชั่วคราว ไม่กี่วันก็จะไป จึงพากันลงมาอยู่บนพื้นดินเพื่อถวายความเคารพแก่พระสงฆ์ แต่เมื่อรู้ว่าพระคุณเจ้าจะอยู่ที่ป่านี้ตลอดพรรษาจึงปรึกษากันว่าพวกเราเห็นจะต้อง “ไล่” พระท่านไป ไม่เช่นนั้นจะลำบากมากที่จะต้องมาอยู่บนพื้นดินอย่างนี้ จึงพร้อมใจกันหลอกหลอนภิกษุที่ไปนั่งกรรมฐานอยู่ใต้ต้นไม้บ้าง ในถ้ำบ้าง จนท่านอยู่ไม่เป็นสุข พระก็กลัวผี ว่าอย่างนั้นเถอะ จึงตกลงกันกลับไปเฝ้าพระพุทธเจ้า กราบทูลเรื่องราวให้ทรงทราบ
พระพุทธองค์ตรัสว่า “พวกเธอมิได้เอาอาวุธติดตัวไปด้วย จึงถูกผีหลอกหลอน” เมื่อกราบทูลถามว่า อาวุธชนิดไหน พระองค์ก็ตรัสว่า อาวุธคือความเมตตา ว่าแล้วก็ทรงสวดกรณียเมตตสูตร ให้ฟัง แล้ว มีพุทธบัญชาให้กลับไปยังป่านั้นอีก และ ให้สวดทันทีที่เดินเข้าป่า และสวดทุกวันภิกษุเหล่านั้นก็ทำตามพุทธโอวาท บรรดาผีสางคางแดงทั้งหลายได้ยินบทสวด ก็มีจิตใจอ่อนโยน รักใคร่ในพระสงฆ์ ไม่หลอกหลอน ทำให้ท่านสามารถอยู่ในป่าได้อย่างผาสุก พระภิกษุได้สัปปายะ เจิรญธรรมสำเร็จอรหันตผลถ้วนทั่วกัน
เพราะเหตุว่าเนื้อหาของบทสวดเป็นการแผ่เมตตาความรัก ปรารถนาดีแก่เหล่าเทวดาในป่า และ แก่สรรพสัตว์ทั้งหลาย ซึ่งท่านก็จะมีไมตรีจิตตอบ และถวายการอารักขาให้ผาสุกกัน จึงกลายเป็นธรรมเนียมว่าเมื่อผ่านศาลเจ้าเทพารักษ์ หรือ ไม้วนปติ ที่มีชนนับถือพึงให้ภิกษุเจริญสามีจิกรรมเจริญเมตตากรณียสูตร บ้างเรียกมนต์ขับผี ปัจจุบันนำไปสวดรวมกับเจ็ดตำนาน สิบสองตำนาน เรารับฟังเนืองๆแต่ไม่เข้าใจความหมาย บทนี้ใช้ได้ดีทีเดียวเวลาไปนอนป่าหรือที่ไม่คุ้นชินทำให้นอนหลับง่าย และ ทำให้จิตสงบได้.
กะระณียะมัตถะกุสะเลนะ
ยันตัง สันตัง ปะทัง อะภิสะเมจจะ
สักโก อุชู จะ สุหุชู จะ
สุวะโจ จัสสะ มุทุ อะนะติมานี
สันตุสสะโก จะ สุภะโร จะ
อัปปะกิจโจ จะ สัลละหุกะวุตติ
สันตินทริโย จะ นิปะโก จะ
อัปปะคัพโภ กุเลสุ อะนะนุคิทโธ
นะ จะ ขุททัง สะมาจะเร กิญจิ
เยนะ วิญญู ปะเร อุปะวะเทยยุง
สุขิโน วา เขมิโน โหนตุ
สัพเพ สัตตา ภุวันตุ สุขิตัตตา
เย เกจิ ปาณะภูตัตถิ
ตะสา วา ถาวะรา วา อะนะวะเสสา
ทีฆา วา เย มะหันตา วา
มัชฌิมา รัสสะกา อะณุกะถูลา
ทิฏฐา วา เย จะ อะทิฏฐา
เย จะ ทูเรว ะสันติ อะวิทูเร
ภูตา วา สัมภะเวสี วา
สัพเพ สัตตา ภะวันตุ สุขิตัตตา
นะ ปะโร ปะรัง นิกุพเพถะ
นาติมัญเญะกะ กัตถะจิ นัง กิญจิ
พยาโรสะนา ปะฏีฆะสัญญา
นาญญะมัญญัสสะ ทุกขะมิจเฉยยะ
มาตา ยะถา นิยัง ปุตตัง
อายุสา เอกะปุตตะมะนุรักเข
เอวัมปิ สัพพะภูเตสุ
มานะสัมภาวะเย อะปะริมาณัง.
เมตตัญจะ สัพพะโลกัสมิง
มานะสัมภาวะเย อะปะริมาณัง
อุทธัง อะโธ จะ ติริยัญจะ
อะสัมพาธัง อะเวรัง อะสะปัตตัง
ติฏฐัญจะรัง นิสินโน วา
สะยาโน วา ยาวะตัสสะ วิคะตะมิทโธ
เอตัง สะติง อะธิฏเฐยยะ
พรัหมะเมตัง วิหารัง อิธะมาหุ
ทิฏฐิญจะ อะนุปคัมมะ
สีละวา ทัสสะเนนะ สัมปันโน
กาเมสุ วิเนยยะ เคธัง
นะ หิ ชาตุ คัพภะเสยยัง ปุนะเรตีติ.
บทแปล
กิจที่คนฉลาดในสิ่งที่มีประโยชน์ และมุ่งหมายจะบรรลุทางสงบ จะพึงทำคือ เป็นคนกล้า เป็นคนซื่อ เป็นคนตรง ว่าง่าย อ่อนโยน ไม่เย่อหยิ่ง เป็นผู้สันโดษ เลี้ยงง่าย มีภาระกิจน้อย คล่องตัว ระมัดระวังการแสดงออก รู้ตัว ไม่คะนอง ไม่คลุกคลีในตระกูลทั้งหลาย ไม่ประพฤติสิ่งที่วิญญูชนตำหนิติเตียนได้ พึงแผ่เมตตาจิต ว่าขอสัตว์ทั้งปวงจงมีความสุขกายสบายใจ มีความเกษมสำราญเถิด
ขอสัตว์ทั้งหลายบรรดามี ที่เป็นสัตว์ตัวอ่อน หรือตัวแข็งก็ตาม เป็นสัตว์มีลำตัวยาวหรือลำตัวใหญ่ก็ตาม มีลำตัวปานกลางหรือตัวสั้นก็ตาม ตัวเล็กหรือตัวโตก็ตาม ที่มองเห็นหรือมองไม่เห็นก็ตาม ที่อยู่ไกลหรืออยู่ใกล้ก็ตาม ที่เกิดแล้วหรือกำลังหาที่เกิดอยู่ก็ตาม ขอสัตว์ทั้งหลายทั้งปวงนั้นจงสุขกายสบายใจเถิด
บุคคลไม่พึงหลอกลวงผู้อื่น ไม่ควรดูหมิ่นเหยียดหยามใครๆ ใม่ควรมุ่งร้ายต่อกันและกัน เพราะมีความขุ่นเคืองโกรธแค้นกัน
คนเราพึงแผ่ความรักความเมตตา ไปยังสัตว์ทั้งหลาย หาประมาณมิได้ ดุจดังมารดาถนอม และปกป้องบุตรสุดที่รักคนเดียวด้วยชีวิต ฉะนั้น
พึงแผ่เมตตาจิตไปไม่มีขอบเขต ไม่คิดผูกเวร ไม่เป็นศัตรู อันหาประมาณไม่ได้ ไปยังสัตว์โลกทั้งปวงทั่วทุกสารทิศ ผู้เจริญเมตตาจิตนั้น จะยืน จะเดิน จะนั่ง จะนอน ตลอดเวลา ที่ตนยังตื่นอยู่ พึงตั้งสติอันประกอบด้วยเมตตานี้ให้มั่นไว้ บัณฑิตทั้งหลาย กล่าวว่า การอยู่ด้วยเมตตานี้เป็นพรหมวิหาร ท่านผู้เจริญเมตตาจิตที่ละความเห็นผิดแล้ว มีศีล มีความเห็นชอบ ขจัดความใคร่ในกามได้ ก็จะไม่กลับมาเกิดอีกเป็นแน่แท้
บทสวดเทวตาอุยโยชะนะคาถา
เทวตาอุยโยชะนะคาถา เป็นคาถาส่งเทวดาใช้สวดท้ายการเจริญพระพุทธมนต์ เพื่ออัญเชิญเหล่าเทวดากลับวิมาน เมื่อแรกที่จะเจริญ พระปริตร ได้มีการชุมนุมเทวดา หรือ อัญเชิญเทวดา มาเพื่อฟังการเจริญพระปริตร ซึ่งถือว่าเป็นการแบ่งส่วนบุญไปให้สรรพสัตว์ทุกจำพวก ทุกหมู่เหล่าแม้กระทั่งเทวดา ซึ่งมองไม่เห็นตัวก็แผ่เมตตาจิตไปถึง เนื้อความในท่อนแรกของคาถานี้ เริ่มต้นด้วยการแผ่เมตตาจิตไปในหมู่สัตว์ทั้งหลาย ให้พ้นจากทุกข์โศกโรคภัย จากนั้นได้กล่าวเชิญเทวดาให้อนุโมทนาบุญกุศลที่บำเพ็ญมา ซึ่งก็รวมถึงบุญอันเกิดจากการเจริญพระปริตร เพื่อเทวดาจะได้อานิสงส์แห่งบุญนั้นด้วย ต่อจากนั้นก็เป็นการแนะนำเทวดาให้เกิดศรัทธาในการให้ทานรักษาศีล บำเพ็ญภาวนา แล้วเชิญให้เทวดากลับ ต่อจากนั้นก็ขออานุภาพแห่งพระพุทธเจ้า พระปัจเจกพุทธเจ้า และพระอรหันต์ทั้งหลาย ให้คุ้มรองรักษา
ทุกขัปปัตตา จะ นิททุกขา ภะยัปปัตตา จะ นิพภะยา โสกัปปัตตา จะ นิสโสกา โหนตุ สัพเพปิ ปาณิโน เอตตาวะตา จะ อัมเหหิ สัมภะตัง ปุญญะสัมปะทัง สัพเพ เทวานุโมทันตุ สัพพะสัมปัตติสิทธิยา ทานัง ทะทันตุ สัทธายะ สีลัง รักขันตุ สัพพะทา ภาวะนาภิระตา โหนตุ คัจฉันตุ เทวะตาคะตา ฯ
สัพเพ พุทธา พะลัปปัตตา ปัจเจกานัญจะ ยัง พะลัง อะระหันตานัญจะ เตเชนะ รักขัง พันธามิ สัพพะโส ฯ
บทแปล
ขอสัตว์ทั้งปวง ที่ประสบทุกข์ จงพ้นจากทุกข์ ที่ประสบภัย จงพ้นจากภัย และที่ประสบความโศก จงพ้นจากความโศกเสียได้เถิด และขอเทวดาทั้งปวง จงได้อนุโมทนาซึ่งบุญสมบัติอันข้าพเจ้าทั้งหลายได้สร้างสมไว้แล้วนี้ เพื่อความสำเร็จแห่งสมบัติทั้งปวงมนุษย์ทั้งหลาย จงให้ทานด้วยใจศรัทธา รักษาศีล ตลอดกาลทั้งปวง ทวยเทพทั้งหลาย ที่มาชุมนุมแล้วขอเชิญกลับเถิด
พระพุทธเจ้าทั้งหลายผู้ทรงถึงพร้อม ด้วยพละธรรม ด้วยเดชแห่งพละธรรมของ พระปัจเจกพุทธเจ้าทั้งหลาย และด้วยเดชแห่งพละธรรม ของพระอรหันต์ทั้งหลายขอให้ข้าพเจ้า จงคุ้มครองรักษา ความดีไว้ได้โดยประการทั้งปวงเทอญ
| หน้าที่เข้าชม | 943,669 ครั้ง |
| ผู้ชมทั้งหมด | 808,721 ครั้ง |
| เปิดร้าน | 21 ก.ย. 2562 |
| ร้านค้าอัพเดท | 29 ต.ค. 2568 |
